การปรับที่นั่งข้างหลัง (11 ที่นั่ง)
การปรับไปข้างหน้าและข้างหลัง (ที่นั่งแถว 2, 3)

การขยับที่นั่งไปข้างหน้าและข้างหลัง:
-
ดึงคันโยกปรับการเลื่อนที่นั่งขึ้นค้างไว้
-
เลื่อนที่นั่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
-
ปล่อยคันโยกและทำให้แน่ใจว่าที่นั่งล็อกเข้าที่แล้ว
ปรับที่นั่งก่อนขับขี่ และทำให้แน่ใจว่าที่นั่งล็อกอย่างแน่นหนาแล้วด้วยการลองขยับที่นั่งไปข้างหน้าและข้างหลังโดยไม่ใช้คันโยก หากที่นั่งขยับเขยื้อน แสดงว่ายังไม่ล็อกอย่างเหมาะสม
ที่นั่งวอล์คอิน (ที่นั่งแถว 2)


ในการเข้าหรือออกที่นั่งแถว 3:
-
ยังที่พักแขนขึ้นแล้วลดระดับพนักพิงศีรษะให้ต่ำสุด (หากจำเป็น)
-
ดึงสายวอล์คอินขึ้น (1) หรือดึงคันโยกวอล์คอิน (2) บนที่นั่งแถว 2 เมื่อผู้โดยสารออกจากที่นั่งแถว 3
-
หลังจากเข้าหรือออกแล้ว ผลักที่นั่งแถว 2 กลับไปยังตำแหน่งเดิมจนกว่าจะคลิกเข้าที่ ทำให้แน่ใจว่าที่นั่งล็อกเข้าที่แล้ว

ห้ามพยายามปรับที่นั่งแถว 2 ในขณะที่ยานพาหนะกำลังเคลื่อนที่หรือมีคนนั่งอยู่เนื่องจากที่นั่งอาจขยับโดยฉับพลันและทำให้ผู้โดยสารบนที่นั่งบาดเจ็บได้
มุมพนักพิง (ที่นั่งแถว 2, 3)


การปรับพนักพิง:
-
ดึงคันโยกปรับเอนหรือสายพนักพิงขึ้น
-
ดึงคันโยกหรือสายค้างไว้และปรับพนักพิงของที่นั่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
-
ปล่อยคันโยกหรือสายและทำให้แน่ใจว่าพนักพิงล็อกเข้าที่แล้ว (คันโยก ต้อง กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อให้พนักพิงล็อกได้)
มุมพนักพิง (ที่นั่งตอนกลางแถว 2, 3)

การปรับพนักพิง:
-
ดึงคันโยกปรับพนักพิงตอนกลาง (1) ที่อยู่ด้านบนของพนักพิงตอนกลางขึ้น
-
ดึงคันโยกค้างไว้และปรับพนักพิงของที่นั่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
-
ปล่อยคันโยกและทำให้แน่ใจว่าพนักพิงล็อกเข้าที่แล้ว (คันโยก ต้อง กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อให้พนักพิงล็อกได้)

-
มุมปรับเอนของพนักพิงที่นั่งตอนกลางแถว 2, 3 ในรถยนต์ 11 ที่นั่งจะถูกจำกัดไว้ หากปรับมุมพนักพิงในขณะที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่ พนักพิงอาจเอนไปข้างหลังมากเกินไป โปรดปรับมุมพนักพิงก่อนนั่ง
-
คันโยกปรับพนักพิงจะอยู่ที่ด้านบนของที่นั่งตอนกลางแถว 2, 3 สำหรับยานพาหนะแบบ 11 ที่นั่ง หากผู้โดยสารแถว 3 หรือ 4 ยุ่มย่ามกับคันโยกปรับพนักพิงแถว 2, 3 ตอนกลาง พนักพิงอาจพับลงกะทันหันและก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือมากกว่านั้นได้ ป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าด้วยการแจ้งผู้โดยสารทุกคนว่าพนักพิงตอนกลางอาจพับลงกะทันหัน หากผู้โดยสารรายอื่นใช้งานคันโยกพนักพิงตอนกลาง

-
ตำแหน่งไปข้างหน้าหรือข้างหลังของที่นั่งตอนกลางแถว 2, 3 ในรถยนต์ 11 ที่นั่งจะปรับสอดคล้องกับที่นั่งฝั่งผู้ขับขี่ของที่นั่งแถว 2, 3
-
พนักพิงของที่แถวที่ 4 จะไม่สามารถปรับไปข้างหน้า ข้างหลัง หรือปรับเอนได้
การพับที่นั่งด้านหลัง (ที่นั่งแถว 3)
พนักพิงด้านหลังสามารถพับได้เพื่ออำนวยความสะดวกในการบรรทุกวัตถุที่มีความยาวหรือเพิ่มความจุสัมภาระของยานพาหนะ

วัตถุประสงค์ของที่นั่งด้านหลังที่สามารถพับได้คือเพื่อให้คุณสามารถบรรทุกวัตถุที่มีขนาดยาวที่ไม่สามารถบรรจุในพื้นที่เก็บสัมภาระได้
ห้ามไม่ให้ผู้โดยสารนั่งบนที่นั่งที่พับอยู่ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่โดยเด็ดขาด นี่ไม่ใช่ตำแหน่งการนั่งที่เหมาะสมและไม่มีเข็มขัดนิรภัยให้ใช้งาน การทำเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือหยุดกะทันหัน วัตถุที่บรรทุกบนที่นั่งที่พับลงไม่ควรยื่นจนสูงกว่าจุดสูงสุดของพนักพิงด้านหน้า การทำเช่นนี้อาจทำให้สัมภาระไถลมาด้านหน้าและก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเสียหายในระหว่างหยุดกะทันหันได้

-
ใส่ตัวล็อกเข็มขัดนิรภัยด้านหลังตามคู่มือเพื่อป้องกันไม่ให้เข็มขัดนิรภัยได้รับความเสียหาย
-
ตั้งพนักพิงด้านหน้าให้อยู่ในตำแหน่งตั้งตรงและหากจำเป็น ให้เลื่อนที่นั่งด้านหน้าไปข้างหน้า
-
ลดระดับพนักพิงศีรษะให้อยู่ในตำแหน่งต่ำสุด
-
ดึงสายพับพนักพิง แล้วพับที่นั่งมาด้านหน้าของยานพาหนะ เมื่อคุณคืนค่าพนักพิงไปที่ตำแหน่งตั้งตรง ทำให้แน่ใจเสมอว่าล็อกเข้าที่แล้วด้วยการดันด้านบนของพนักพิง
-
ในการใช้ที่นั่งด้านหลัง ให้ยกแล้วดึงพนักพิงมาด้านหลังด้วยการดึงสายพับ ดึงพนักพิงจนกว่าจะคลิกเข้าที่ ทำให้แน่ใจว่าที่นั่งล็อกเข้าที่แล้ว
-
ปรับเข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลังให้กลับเข้าที่
การพับที่นั่งด้านหลัง (ที่นั่งแถว 2, 3 ตอนกลาง)

-
ดึงคันโยกปรับพนักพิงตอนกลาง (1) ที่อยู่ด้านบนของพนักพิงตอนกลางขึ้น
-
พับพนักพิงลงมาจนสุด (2) ในขณะที่ดึงคันโยกค้างอยู่ (1)
-
จับส่วนล่างของที่นั่งตอนกลางไว้ให้มั่นคงและพับไปทางฝั่งที่นั่งผู้ขับขี่ (3)
-
จัดเก็บเข็มขัดนิรภัยแบบสองจุดของที่นั่งตอนกลางไว้ในส่วนจัดเก็บที่อยู่ใต้ที่นั่งตอนกลาง

การจัดตั้งตรงที่นั่ง
เมื่อคุณตั้งค่าที่นั่งให้กลับมาในตำแหน่งตั้งตรง ให้ประคองพนักพิงและคืนตำแหน่งอย่างช้าๆ หากคืนตำแหน่งพนักพิงโดยไม่มีการประคองและควบคุม พนักพิงอาจกระเด้งไปข้างหน้าแบบฉับพลัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บจากการถูกพนักพิงกระแทกได้

การทำให้หัวเข็มขัดที่นั่งด้านหลังเสียหาย
เมื่อคุณพับที่นั่งด้านหลัง (แถว 2 และ/หรือแถว 3) ให้ใส่หัวเข็มขัดลงในช่องระหว่างพนักพิงและเบาะนั่ง การทำเช่นนั้นจะช่วยป้องกันหัวเข็มขัดไม่ให้เสียหายจากพนักพิงด้านหลังได้

เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง
เมื่อคืนตำแหน่งพนักพิงด้านหลัง (แถว 2 และ/หรือแถว 3) กลับมาตำแหน่งตั้งตรง โปรดจำไว้ว่าให้คืนตำแหน่งเข็มขัดคาดไหล่ด้านหลังกลับมายังตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย การร้อยสายเข็มขัดนิรภัยผ่านแถบนำเข็มขัดนิรภัยด้านหลังจะช่วยป้องกันไม่ให้สายเข็มขัดนิรภัยติดอยู่ด้านหลังหรือใต้เบาะนั่ง
การเก็บที่นั่งด้านหลัง (ที่นั่งแถว 4)
ที่นั่งด้านหลังนี้สามารถพับและจัดเก็บลงในส่วนสัมภาระได้เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระให้มากขึ้น

ในการเก็บที่นั่งด้านหลัง:
-
ใส่หัวเข็มขัดนิรภัยด้านหลังลงในช่องระหว่างพนักพิงด้านหลังและเบาะนั่ง และใส่ตัวเก็บเข็มขัดนิรภัยด้านหลังในคู่มือเพื่อป้องกันความเสียหาย
* โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ รายละเอียดเพิ่มเติม.
-
ดึงพนักพิงศีรษะของที่นั่งแถว 4 ลงให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (1)
-
ดึงสายพับ (2) ที่อยู่ด้านหลังของพนักพิง ที่นั่งแถว 4 จะพับลง
-
กดพนักพิงอย่างมั่นคงเพื่อเก็บที่นั่งให้เข้าที่

ในการใช้งานที่นั่งด้านหลัง:
-
ดึงสายพับ (1) และดึงด้านบนของพนักพิงขึ้นพร้อมกัน (2)
-
ดึงพนักพิงให้ตั้งตรงเต็มที่แล้วปล่อยสาย (1) พนักพิงจะล็อกเข้าที่ เพื่อยืนยันให้แน่ใจ ลองขยับพนักพิงไปมาดู จากนั้น ปรับพนักพิงศีรษะเพื่อให้เหมาะกับผู้นั่ง

-
เมื่อเปิดพนักพิงแบบพับได้ ให้วางสายพับขนานตรงกับพนักพิงแล้วดึงขึ้น
-
หากสายพับพนักพิงแถว 4 ถูกดึงในขณะที่มีผู้โดยสาร สัตว์เลี้ยง หรือสัมภาระอยู่ ที่นั่งแถว 4 ที่พับจะทำให้ผู้นั่งบาดเจ็บหรือสัมภาระเสียหายได้ ก่อนจะพับที่นั่งแถว 4 ลงมา ทำให้แน่ใจเสมอว่าไม่มีผู้โดยสาร สัตว์เลี้ยง สัมภาระอยู่ในที่นั่ง
-
เมื่อดึงพนักพิงแถว 4 ขึ้นมายังตำแหน่งตั้งตรงแต่ไม่ล็อกให้เข้าที่ พนักพิงอาจขยับไปมาได้ทันที ปล่อยสายเพื่อล็อกพนักพิงให้เข้าที่เสมอ
-
ใต้ที่นั่งแถว 4 จะมีอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บให้อยู่ ป้องกันไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือเสื้อผ้าติดอยู่ในร่องใต้ที่นั่ง

ก่อนการปรับที่นั่งแถว 4 เคลื่อนที่นั่งแถว 3 และพนักพิงไปยังตำแหน่งที่ต้องการไว้ล่วงหน้าก่อน พนักพิงอาจชนกันในขณะที่พับขึ้นและพับลงซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

สัมภาระ
สัมภาระควรบรรทุกอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้กระเด็นไปมาในยานพาหนะขณะชนกระแทกและก่อให้เกิดการบาดเจ็บกับผู้โดยสารได้ อย่าวางวัตถุไว้ในที่นั่งด้านหลัง เนื่องจากไม่สามารถยึดไว้อย่างปลอดภัยได้และอาจกระแทกเข้ากับผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าได้เวลามีการชนกระแทก

การบรรทุกสัมภาระ
ทำให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์ดับอยู่ คันเกียร์หรือหน้าปัดอยู่ในตำแหน่ง P (จอด) และเบรกมือถูกดึงขึ้นไว้แล้วเมื่อบรรทุกหรือยกสัมภาระลง การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้อาจทำให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ได้และคันเกียร์หรือหน้าปัดมีการขยับไปตำแหน่งอื่นโดยไม่ตั้งใจได้

ที่นั่งแถว 4
ผู้โดยสารที่นั่งแถว 4 ควรนั่งอยู่ตรงกลางเบาะนั่งเสมอเพื่อให้ศีรษะของผู้นั่งได้รับการปกป้องจากพนักพิงศีรษะ หากไม่ ประตูหลังอาจกระแทกเข้าหัวศีรษะของผู้นั่งและก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้

ที่นั่งราบสนิท (ถ้ามี)

ใช้โหมดที่นั่งราบสนิทเมื่อที่นั่งแถว 4 พับลงโดยสนิทแล้วเท่านั้น
-
ผลักที่นั่งแถว 3 (1) ไปด้านหลังของยานพาหนะให้มากที่สุด
-
ผลักที่นั่งแถว 2 (2) ไปด้านหน้าของยานพาหนะให้มากที่สุด
-
ถอดพนักพิงศีรษะของที่นั่งแถว 2 ออก (3)
-
ปรับเอนพนักพิงแถว 2 จนสุด (4)
ดึงคันโยกปรับพนักพิงที่อยู่ด้านบนของที่นั่งตอนกลางแถว 2, 3 ขึ้นเพื่อปรับเอน

-
อย่าเคลื่อนที่ยานพานะที่มีผู้โดยสารกับที่นั่งราบสนิทอยู่
-
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มือและเท้า อยู่นอกบริเวณขณะปรับมุมเอนของพนักพิง

-
เมื่อคืนพนักพิงกลับมาตำแหน่งตั้งตรง ติดตั้งพนักพิงศีรษะกลับมายังตำแหน่งเดิม
-
อย่าใช้แรงดันสูงหรือบรรทุกสัมภาระหนักบนพนักพิงในตำแหน่งราบสนิท ซึ่งอาจทำให้พนักพิงเสียหายได้
-
ระวังการพันกันของเข็มขัดนิรภัยในโหมดราบสนิท ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการจัดเก็บไว้ในที่เก็บเข็มขัดนิรภัย